รู้ไว้! 7 พฤติกรรมต้องเลี่ยง ถ้าไม่อยากหน้าแก่ก่อนวัย
หากเจอใครมาทักเราว่า ป้า หรือ ลุง เพราะหน้าไปก่อนอายุ มันปวดใจเจ็บจี๊ดไม่น้อยเลย โดยปกติธรรมชาติคนเรานั้นหากมีอายุที่เพิ่มมากขึ้น กระดูกใบหน้าจะเริ่มยุบตัวลงทำให้ผิวค่อย ๆ หย่อนคล้อย ไม่กระชับ ขาดความยืดหยุ่น เกิดเป็นปัญหาผิวมีริ้วรอยแห่งวัยและเสื่อมสภาพลงเรื่อย ๆ แต่ก็ยังมีอีกหลายปัจจัยที่เป็นตัวกระตุ้นทำให้ผิวหน้านั้นแก่ได้เร็วมากยิ่งขึ้น ในวันนี้จะพาไปเช็กกับ 7 พฤติกรรมต้องเลี่ยง รู้ไว้ ถ้าไม่อยากหน้าแก่ก่อนวัย จะมีอะไรบ้างนั้นไปดูกันเลย
อ่านเพิ่มเติม : 10 วิธีโกงอายุ ช่วยชะลอวัย หน้าเด็ก ผิวดี จนคนต้องทัก!
1. แสงแดดและความร้อน
ความร้อนจากแสงแดดนั้นประกอบด้วยรังสี UV ต่าง ๆ ซึ่งเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้เกิดอนุมูลอิสระในผิวหนัง สามารถทะลุผ่านเข้าไปยังผิวชั้นในเพื่อทำลายคอลลาเจนใต้ชั้นผิวได้ ทำให้ผิวสูญเสียความชุ่มชื้น ก่อให้เกิดเป็นริ้วรอยแห่งวัยได้ง่าย และทำให้ผิวหน้าเกิดการคล้ำเสีย มีฝ้า กระ จุดด่างดำ และสีผิวไม่สม่ำเสมอ อีกทั้งยังเสี่ยงต่อการเกิดเป็นมะเร็งผิวหนังได้อีกด้วย
2. นอนหลับพักผ่อนไม่เพียงพอ
หากนอนไม่เพียงพอร่างกายจะหลั่งสารโกรทฮอร์โมนได้น้อยลง (Growth Hormone) ซึ่งเป็นฮอร์โมนสำคัญแห่งความเยาว์วัย ทำให้ผิวไม่ได้รับการซ่อมแซมอย่างเต็มที่ ส่งผลให้ผิวหน้าดูโทรม ไม่สดใส ใต้ตาหมองคล้ำและมีริ้วร้อย ทั้งยังทำให้ระบบภูมิคุ้มกันในร่างกายทำงานบกพร่อง เสี่ยงต่อการติดเชื้อหรือการอักเสบของผิวได้ง่าย เช่น สิว ผดผื่น ตุ่มคัน เป็นต้น
3. ความเครียดสะสม
ด้วยการใช้ชีวิตและการทำงานอาจจะทำให้เกิดความเครียดโดยไม่รู้ตัว หากหนักขึ้นจะเกิดเป็นความเครียดสะสมได้ ทำให้ร่างกายหลั่งสารคอร์ติซอล (Cortisol) หรือ ฮอร์โมนแห่งความเครียดมากขึ้น มีฤทธิ์สลายหรือทำลายคอลลาเจนใต้ชั้นผิว ลดความสามารถในการกักเก็บความชุ่มชื้นของผิวหนัง ส่งผลทำให้ผิวเหี่ยว ผิวหน้าแก่ก่อนวัย ผิวหมองคล้ำ ผิวอักเสบแพ้ง่าย และผิวเสียความสมดุลหรือที่เรียกว่า "ผิวเครียด"
4. ดื่มแอลกอฮอล์หรือสูบบุหรี่
เมื่อดื่มแอลกอฮอล์โดยเฉพาะเบียร์และเหล้าสีเข้มนั้น จะทำให้ขับปัสสาวะออกมาบ่อยกว่าปกติ ส่งผลให้เกิดการสูญเสียน้ำและวิตามินบีในร่างกาย ยิ่งทำให้ผิวแห้ง มีริ้วรอย มีสิว และมีผิวหน้าเหี่ยวย่นได้เร็วขึ้น ส่วนสารนิโคติน (Nicotine) ในบุหรี่จะทำให้เส้นเลือดของผิวหนังตีบตัน ร่างกายจะผลิตเซลล์เม็ดเลือดแดงได้น้อยลง และยังไปทำลายคอลลาเจนและอิลาสตินใต้ชั้นผิว ท้ายที่สุดผิวหนังจะเริ่มเหี่ยวย่น ผิวแห้งกร้าน ผิวด่างดำ และค่อย ๆ สูญเสียความมีออร่าไปในที่สุด
5. ดื่มน้ำน้อย
น้ำเป็นส่วนประกอบของเซลล์ทุกเซลล์ในร่างกาย ในทางเวชศาสตร์ชะลอวัยพบว่าการดื่มน้ำสามารถช่วยทำให้ผิวสุขภาพดี หากดื่มน้ำน้อยจนเกินไปหรือไม่เพียงพอ จะทำให้ร่างกายเกิดภาวะขาดน้ำ ซึ่งส่งผลต่อระบบไหลเวียนของเหลวในร่างกาย ทำให้รู้สึกอ่อนเพลีย เซลล์ผิวแห้งเหี่ยวขาดความชุ่มชื้น ผิวพรรณไม่เปล่งปลั่ง และผิวมีริ้วรอยดูแก่ก่อนวัยได้ รวมถึงยังส่งผลต่อระบบหัวใจ สมอง ไต ทำให้ไม่สามารถทำงานได้ปกติซึ่งอาจมีอันตรายถึงชีวิต
6. ติดทานอาหารและเครื่องดื่มที่หวาน/ น้ำตาล
การบริโภคอาหารหรือเครื่องดื่มที่มีน้ำตาลในปริมาณสูง เช่น น้ำอัดลม ชานมไข่มุก เค้กและเบเกอรี่ จะทำให้น้ำตาลบริเวณผิวหนังสูงขึ้นตามไปด้วย เกิดเป็นกระบวนการไกลเคชัน (glycation) ส่งผลให้โปรตีนอิลาสตินและคอลลาเจนเสื่อมสภาพ ทำให้ผิวหนังบางและมีความยืดหยุ่นลดลง ไม่กระชับ หย่อนคล้อยและมีริ้วรอย ทั้งนี้น้ำตาลยังก่อให้เกิดการอักเสบซึ่งทำลายเซลล์ผิวหนังและขัดขวางกระบวนการสร้างเซลล์ผิวใหม่อีกด้วย
7. ละเลยการดูแลบำรุงผิวหน้า
บางคนมีพฤติกรรมการล้างหน้าไม่สะอาดและเช็ดหรือถูหน้าแรงโดยไม่ทะนุถนอม จะส่งผลให้เกิดสิวและผิวหน้าเหี่ยวย่นได้เร็ว ไม่ทาครีมบำรุงหรือครีมกันแดด จะทำให้ผิวหน้าขาดความชุ่มชื้นและขาดสารอาหารที่จำเป็นต่อผิว อีกทั้งไม่ปกป้องผิวหน้าจากแสงแดดที่เป็นตัวการร้ายทำลายเซลล์ผิวให้เสื่อมสภาพ หากไม่รักษาหรือดูแลยิ่งจะเป็นการเร่งให้สภาพผิวหน้ามีริ้วรอยและแก่ได้ไวยิ่งขึ้น
แน่นอนว่าหากใครที่ยังมีพฤติกรรมทั้ง 7 ข้อนี้ ต้องรีบปรับเปลี่ยนพฤติกรรมตัวเองอย่างเร่งด่วน ก่อนที่ผิวหน้าจะค่อย ๆ แย่ลงจนเกินเยียวยา และขอเป็นกำลังใจให้กับทุกคนสำหรับการเริ่มต้นที่จะเปลี่ยนแปลงตัวเองให้ดูดีขึ้นนะคะ